Death Tune \ sound 1 sad - Death Tune \ sound 1 sad นิยาย Death Tune \ sound 1 sad : Dek-D.com - Writer

    Death Tune \ sound 1 sad

    คุณเคยคิดถึงตอนที่ตัวเองตายบ้างใหม....ผมเคยนะ บางทีมันอาจบอกอะไรบางอย่าง เป็นเรื่องแรกหลังจากผมไม่ได้เขียนมานาน ช่วยติชมกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    383

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    383

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ธ.ค. 51 / 14:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Death Tune 1

       

      First Melody = Sad

       

                  ถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ แสดงว่าผมยังมีชีวิตอยู่..........ละมั่งนะ

                      ผมมองไปบนถนน ที่มีรถคับคั่งเป็นจำนวนมาก ในมือถือถุงใส่หนัง DVD ที่เช่ามาจากแถวบ้าน สายตาผมจับจ้องไปที่ รถยนต์จำนวนมาก กำลังแข่งขันกันอยู่ด้วยความเร็วสูง และไม่รู้ทำไมผมจึงชอบนึก ตอนตัวเองถูกรถเหล่านั้นชน ภาพนั้นกำลังสโลโมชั่น เสียงกระดูกหัก ดังประสานกับรถที่ถูกกระแทกอย่างแรงดั่งวงออเคสต้า ในหนังเพลงกำลังบรรเลง เลือดสาดกระเซ็นออกมาจากทวารทั้ง 7 ร่างของผมนอนไปกองกับพื้นโดยแทบจะจำสภาพที่ตนเองเคยมีซีวิตอยู่ไม่ได้ ใช่ผมจินตนาการตอนตัวเอง ฆ่าตัวตาย

                      ในตอนนั้นผมไม่ค่อยคิดอะไรมากนอกจาก เอ....แล้วมันควรมีเพลงประกอบยังไงในตอนจบน้า

      เพราะสำหรับผม ในตอนนั้นมันก็เหมือนกับคนที่จิตนาการตัวเองตกลงมาจากที่สูง ตอนที่ยืนอยู่ขอบตึก หรือคนว่ายน้ำไม่เป็นมองลงไปในคลองและจินตนาการว่าตัวเองจมน้ำ ผมก็เหมือนทุกๆคนที่จินตนาการตอนตัวเองตายนั้นแหละ เอ๊ะ.....อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยนะ โกหกน่า โม้กันชัดๆ คุณต้องเคยมั่งสิน้า.............................ก็ได้ เอาเป็นว่าคนเป็นคนมีทัศนคติดี มีความสุข แฮปปี้ยิ่งกว่าโฆษณามือถือละกัน แต่สำหรับคนอย่างผม (อย่างน้อยละนะ) เห็นว่าการจินตนาการว่าตัวเอง ม่องเท่งนั้นมันเสียวดี มันก็เหมือนตอนกระโดดหอนะแหละอารมประมานนั้น (ถ้าคุณเคยก็จะรู้ดี) ซึ่งผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นแนวโน้มของการฆ่าตัวตาย

                      ฆ่าตัวตาย หรือการวิสามัญฆาตกรรม ตนเองโดยปราศจากความผิดต่อกฎหมาย แต่เป็นความผิดบาปที่ร้ายแรงที่สุดของบางศาสนานั้น ได้ถูกมองเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จบ

                      ในปัจจุบันนี้ผู้คนเห็นว่าคนฆ่าตัวตายนั้นช่างโง่เขลา ดั่งคดีเด็กฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังจากมหาลัยดีๆ แต่ได้ที่ดีน้อยกว่านั้น (ถ้ามันมาเป็นผมคงฆ่าตัวตายตั้งแต่ตอน ป.6) มักจะเป็นหัวข้อขำขันในหมู่คนบางคน

                      แต่ในบางสังคมนั้นกับได้รับการยกย่องและเข้าใจซึ่ง ส่งผลไห้การฆ่าตัวตายมากขึ้นทุกปีเพราะมันกำลังถูกยอมรับ เป็นที่นิยมและเป็นทางออกของทุกปัญหา อย่างคำที่กล่าวว่า

      ถึงแม้เลือกเกิดไม่ได้ตัวฉัน ก็เลือกที่จะตายได้

                      ตัวผมเองนั้น ยอมรับในคำพูดนี้เช่นกันเพราะมันคือ สิทธิเท่าเทียมกันของมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้แต่ตัวผมในอดีตนั้นไม่เคยคิดถึงปัญหานี้อย่างถี่ถ้วนจนถึงปัจจุบันที่ตนเองตระหนักว่า

      นี่กูอยากตายขนาดนั้นเลยหรอวะ

                      พอได้คิดถี่ถ้วนดีๆ พบว่าตัวเองมีหลายเหตุผลเหมาะแก่การตายยิ่งนักถ้าคิดเทียบกับ คดีอื่นๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้ง ผิดหวังในรัก หมดหวังในอนาคต ไม่เคารพตัวเอง ไม่เคารพผู้อื่น เศรษฐกิจไม่ดี สิ่งเหล่านี้ต่างรุมเร้าเข้ามาในชีวิตผม (และชีวิตอีกหลายๆคน) ยิ่งผมได้อ่านบทความหนึ่งในนิตยสารเกี่ยวกับ จุดเริ่มต้นของการฆ่าตัวตายนั้นตัวผมเองยิ่งเข้าเค้า จนผมลองทำแบบสำรวจออกมา

                      คุณเริ่ม ด่าทอตัวเองว่าตัวอัปลักษณ์                เช็ค

                      ความรักไม่สมหวัง                                              เช็ค

                      มีของที่อยากได้แต่ไม่มีเงินซื้อ                           เช็ค

                      เคยทำร้ายตัวเอง                                                  เช็ค

                      ชอบจิตนาการว่าตัวเองฆ่าตัวตาย                        เช็ค

                      ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาบนโลกนี้ทำไม                    เช็ค

                      ที่จริงยังมีอีกหลายเหตุผล แต่ผมเอามาที่เข้าตัวเท่านั้น มันมีมากเหลือเกินเหตุที่ผมจะตาย ข้อแรกนี่เห็นกันอยู่ทุกเช้า ข้อ 2 นี่ถ้าจะเล่าคุณคงต้องทนฟังหน่อย

                      คุณเคยรักสามเศร้าไหม ส่วนผมนี่เกิดขึ้นใกล้เคียงกับสิ่งนั้นยกเว้นแต่ ผมรักเธอคนนั้นแต่เธอไม่ได้รักผมเธอกลับรักเพื่อนสนิทผมแทน เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ผมยังเป็น วัยรุ่น(ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่) ตอนนั้นผมเป็นพวกขี้อาย ได้แต่มองเธอแต่ไม่เคยพูดคุย จนกระทั่งเพื่อนผม มันแอบหนีชมรมตัวเองมาอยู่ที่ชมรมผม ตอนนั้นเองที่ เธอได้ถูกแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตา สำหรับบางคนมันอาจเจ็บปวด ทุกข์ทรมานหรือเคียดแค้น แต่สำหรับผม ผมโทษตัวเองเพราะอ่อนแอ และไม่กล้าพอที่จะเป็นฝ่ายรุกก่อน ผมรับได้นะกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทว่า......

                      เนื่องจากเธอ เป็นแฟนเพื่อนสนิทผม ผมจึงได้รู้จักเธอมากขึ้น ผมรู้ว่ามันไม่ดี ทั้งๆที่ตัวเองยังมีความรู้สึกอย่างนี้ แต่มันช่วยไม่ได้นี่ ก็เธอเป็นแฟนเพื่อนผมนี่นา วันเวลาผ่านไปผมยิ่งรู้จักเธอมากขึ้น เราสองคนนั้นมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน เราเข้ากันได้เร็วมาก จนบางครั้งที่ผมเห็นเธอนั่งอยู่คนเดียวผม ก็มักจะเขาไปนั่งเป็นเพื่อนเธอ แต่ผมสาบานนะผมไม่เคยคิดจะแย่งเธอมาเลย เพราะผมหมดสิทธิ์ ไปนานแล้วตั้งแต่วันที่เพื่อนผมเป็นแฟนกับ ผมรู้ตัวดี คุณคงจะถามว่าผมอิจฉา ไหม คำตอบคือไม่นะ ถึงแม้ผมจะเห็น คนอื่นจูงมือเธอคนอื่นโอบกอดเธอ และคนอื่นหอมแก้มเธอ ก็ตาม ผมไม่อิจฉาหรอก แต่ก็เจ็บปวดนะ อีกนัยหนึ่งก็มีความสุข เพราะผมได้อยู่ข้างคนที่ผมรักที่สุด 2 คน ทั้ง 2 ต่างมีความสุข แค่นั้นผมก็พอใจแล้วถึงแม้จะรู้ว่าความสัมพันธ์ นี้จะต้องจบลงโดยที่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งต้องจากไป ผมขอดูดซับความสุขเหล่านี้ไว้ไห้มากที่สุด

                      ในตอนสุดท้ายพวกเขา เลิกรากัน ส่วนผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอได้แต่ ยิ้ม และหวังว่าเธอจะมีความสุข

                      เพราะฉะนั้นประเด็นนี้อาจจะมีส่วนที่ผมอยากตายก็เป็นได้ ส่วนอีกประเด็นหนึ่งนั้นคือ ผมเคยทำร้ายตนเอง มันมีอยู่ว่าเมื่อ คุณตระหนักว่าตนเอง เป็นคนที่ตนเองไม่อยากเป็นที่สุด หรือรู้ตัวว่าตนเองนั้นไม่ต่างจากสวะที่เดินอยู่บนท้องถนนเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่คุณบ้าพวกฮีโร่อย่างหนัก มันทำไห้คุณเริ่ม เกลียดตัวเอง ยิ่งมีคนถามคุณว่า                            เกิดมาเพื่ออะไร

                      คุณกลับตอบมันไม่ได้ถึงแม้คนที่ถามคุณนั้นเป็น ไอ้สวะ แต่คำถามนี้กับหลอกหลอนคุณ ตลอดชีวิต ซึ่งเกือบทุกครั้ง ผม กลับเงียบงันเช่นเดิม แถมตัวเองนับวันยิ่งด้อยค่าลงไปเรื่อยๆเพราะมีพี่ที่ พ่อตนเองพึ่งพา มีน้องที่เก่งกว่าทุกด้าน ตัวเองกลับเป็นคนหลักลอยแถมเศรษฐกิจไม่ดีเพราะคนกลุ่มหนึ่ง จนแม่เปรยออกมาว่า บางทีครอบครัวเราคงไม่มีปัญญาส่งลูกเรียนจบ มันทำไห้รู้สึกตัวเองช่างกระจ้อยล่อยเสียเหลือเกิน จนบางครั้งรู้สึกว่าถ้าตัวเอง จากไปก็คง แค่นั้น

                      ยิ่งมีข่าวอาชยากรรมมากขึ้นเรื่อยๆยิ่งทำให้รูสึกว่าความตายนั้นเป็นสิ่งใกล้ตัว มันยิ่งทำไห้ชีวิตตัวเองนั้นไร้ค่า ทุกวันมักจะถูกคนรอบข้างคอยบอกเสมอว่า อันตราย มันอยู่รอบตัวจนอาจจะตายในเร็ววันก็เป็นได้ ยิ่งพอรู้ว่าขนาด ดาราดังยังฆ่าตัวตายทั้งๆที่มีเพียบพร้อมทั้ง ซื่อเสียง เงินทอง หน้าตา ยังปิดชีพตัวเอง มันทำไห้ตระหนักว่าโลกนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน

                      วันนี้ ในมือผมยังคงมีถือถุงใส่แผ่น DVD สายตายังคงจ้องมองไปที่ถนน ที่มีรถแล่นผ่านแต่ที่ต่างออกไปนั้น คือผมหยุดอยู่ที่ริม ฟุตบาท แทนที่ผมจะเดินกลับบ้านทันทีผมกับ หยุดอยู่ตรงนั้น ภาพ การตายของผมทับซ้อนไปมา มากมาย มันทำไห้ผมตระหนักว่าความตายนั้นช่างใกล้แค่เอื้อมเสียนี่กระไร แค่ก้าวออกไปอีกก้าวทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป ไม่ต้องเศร้าอีกต่อไป.............

                      แต่มีสิ่งหนึ่งที่กวนใจผมมาตลอดทุกครั้งหลังจากจินตนาการว่าตัวเองตาย คือ อีกฝากหนึ่งของฟุตบาตร ในดงหญ้าที่สูงจนท่วมหัวผมนั้นมีสิ่งใดอยู่กันแน่ ผมชอบจ้องมองมัน และจินตนาการไปต่างๆว่าในนั้นต้องมีอะไรอยู่แน่ๆแต่ผมกลัวเกินกว่าจะลองเข้าไปดูลองไปค้นหาดูว่าผ่านพ้นย่ากองนี้ไปเราจะเจออะไร

                      แต่ในตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในเมื่อสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความตายอย่างน้อยก่อนตายผมขอใช้ความกล้าฝ่าดงหญ้าไปดูอีกฝากก่อนละวะ...........

                      หญ้าแห้งๆเหล่านั้น ดังขึ้นกรอบแกรบ ทุกครั้งที่ผมก้าวเดิน บางคนที่มาเห็นอาจจะบอกว่าผมบ้า แต่ถ้าเทียบการกระทำหลังจากนี้มันคงบ้ายิ่งกว่า ใจผมเต้นระทึกทุกย่างก้าว ที่สาวเข้าไป ในหัวผมเริ่มจินตนาการไปต่างๆนาๆ จนมันเริ่มเกินจริงขึ้นเรื่อยๆ ผมยังจำได้ว่าบางทีอาจจะมียาวอวกาศซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ผมเริ่มก้าวเร็วขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจผมเริ่มถี่แรง ผมรู้สึกสนุกไปกับการผจญภัยเล็กๆ นี้จริงๆ จนในที่สุดมือของผมได้สัมผัสบางสิ่ง มันแข็งและเป็นเหลี่ยมๆ ผมใช้มือทั้งสองแหวกหญ้าตรงหน้าออก สิ่งที่ผมเห็นคือ กำแพง เป็นกำแพงที่ทอดยาวไปทั้งสองข้าง ส่วนข้างหลังกำแพงนั้นมี อาคารอยู่ และการผจญภัยของผม ได้จบลงเพียงเท่านี้ ผมค่อยๆเดินออกมาจากพงหญ้านั้นในหัวนั้นว่างเปล่า เท่าที่รู้สึกได้นั้นมีแต่ความสิ้นหวัง พอได้รู้ว่าฝันของตนนั้นมันช่างธรรมดาเสียเหลือเกิน จนในที่สุดผมได้เดินมาถึง ที่ริมฟุตบาทอีกครั้ง พระอาทิตกำลังตกดินพอดีภาพตรงหน้านั้นช่างงดงาม แต่ผมไม่อาจจะซาบซึ้งได้เหมือนในหนังจนมีชีวิตอย่างมีความหวังได้ ผมกำมือจนแน่น เหงื่อมันออกมาเป็นจำนวนมาก ผมพึ่งรู้สึกตัวว่าเหงื่อได้ออกมาทั่วตัวผมจนเสื้อที่ไส่แฉะและเหม็น ทั้งๆที่ผมไม่ได้เดินทางใกลอะไรมาก และความรู้สึกนั้นก็กลับมา ความตื่นเต้นที่ได้ทำตามสิ่งที่ใจปรารถนา ถึงแม้ตอนจบจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ตาม แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นมันเป็นของจริง มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุด เหมือนตอนที่ผมได้ คุยกับเธอคนนั้น ได้วาดกาตูน ถึงแม้มันจะห่วย ได้กินของอร่อยถึงแม้มันจะแพง ได้ดูหนังที่รอคอยถึงแม้มันจะน่าผิดหวัง ได้ซื้อแผ่นเพลงของวงที่ชอบมาในราคาแพงถึงแม้ จะพึ่งตระหนักว่าที่จริงมันมีดีแค่ไม่กี่เพลง ได้รอดูรายการทีวีที่ชอบ ถึงแม้ในตอนนั้นจะถูกพี่แย่ง ได้เข้ามหาลัยรองบ่อน เพราะผิดหวังจากมหาลัยที่ตาดหวัง ได้พบเจอผู้คนมากมายถึงแม้ทุกคนจะมองด้วยสายตาที่รังเกียจเรา ได้ตื่นขึ้นมาจากฝันที่แสนดี และพบกับความเป็นจริง ได้หายใจเข้าเต็มปอดถึงแม้ใน 20% นั้นจะมีแต่ก๊าซพิษ ถึงแม้ทุกอย่างจะจบลงได้ไม่ดี แต่ทุกจุดเริ่มต้นนั้นกลับทำไห้ ผมมีความสุข เพราะผมยังมีชีวิตอยู่ผมจึงได้เริ่มต้นสิ่งต่างๆที่อยากทำ และไม่เคยทำ ผมยังสามารถ โหลดกาตูนร์ลามกมาเพิ่มรสชาติไห้ชีวิตได้ ผมยังลุ้นได้ว่าจะเรียนจบหรือไม่ ผมยังคงหาของกินอร่อยอื่นๆได้อีกมากมาย ยังคงฟังเสียงดนตรีที่ไพเราะได้อีก ผมยังสามารถพบผู้คนที่ยอมรับในสิ่งที่ผมเป็นได้ และบางทีสักวันหนึ่งผมอาจจะรู้ว่า รักที่สมหวังและจุมพิตที่แสนหอม นั้นเป็นเช่นไร ใช่ตราบไดที่ผมยังมีชีวิตอยู่

                  คุณบางคนอาจจะบอกว่าผมขี้ขลาด เพราะไม่ได้มีแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่เหมือนในหนังบางเรื่อง ซึ่งผมอาจจะใช่ก็ได้ เพราะผมกลัว กลัวที่จะพลาดหลายๆสิ่งอีกมากมายในชีวิต ในวันพรุ่งนี้ก็ได้ ถึงความหวังจะน้อยนิดแต่มันอาจจะเป็นไปได้ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ อาจจะมีสักวันที่ผมจะมีความสุข มากว่านี้ และเพราะผมยังมีชีวิตอยู่จึงสามารถ มาเล่าเรื่องน่าเบื่อเหล่านี้ไห้พวกคุณฟังได้ สำหรับทุกคนที่อ่านเรื่องนี้ มันอาจจะฟังดูหลอกลวงและเล็กน้อยผมหวังว่า ขอไห้พวกคุณมีความสุข และ มีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวคุณเอง

                      บางทีคุณอาจจะพบผมถ้าผมยังมีชีวิตอยู่ เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ถือถุงใส่แผ่น DVD สีเหลืองสายตาจ้องมองไปที่ถนน และเขากำลัง..........ยิ้มที่มุมปาก

       

       

       

       

      BY       T,.T

                     

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×